ไฟล์
Flash
ที่สร้างใหม่ทุกครั้ง ควรกำหนดคุณสมบัติให้เหมาะสม ด้วยคำสั่ง Modify Document
เช่น ความกว้าง/ความสูงของ Stage ลักษณะสีพื้นของ
Stage เป็นต้น
เปิดไฟล์
การเปิดไฟล์ภาพใช้คำสั่ง
File,
Open... หรือคลิกปุ่ม Open จากMain
Toolbar นอกจากนี้ยังสามารถเลือกไฟล์ที่เคยเปิดได้จากเมนูคำสั่ง File,
Open Recent การคืนสู่สภาพเดิม (Revert) ไฟล์ที่กำลังแก้ไข
ถ้าต้องการคืนกลับสู่สภาพก่อนการแก้ไข ใช้คำสั่ง File, Revert
ปิดไฟล์
ไฟล์ที่สร้าง
หรือเปิดอยู่ หากต้องการปิดไฟล์ สามารถใช้คำสั่ง File, Close หรือ
File, Close All ทั้งนี้ไฟล์ที่ยังไม่ได้ผ่านการบันทึก
โปรแกรมจะแสดงกรอบเตือน ถ้าต้องการบันทึกไฟล์ก่อนปิด
ก็คลิกปุ่ม Yes
เพื่อเข้าสู่โหมดการบันทึกไฟล์
แต่ถ้าต้องการปิดไฟล์โดยไม่บันทึกก็คลิกปุ่ม No หรือคลิกปุ่ม
Cancel
เพื่อยกเลิกการปิดไฟล์ กลับสู่จอภาพสร้างงานตามปกติ
บันทึกไฟล์
ภาพที่วาดที่สร้างเสร็จแล้ว
หรือปรับแต่งแก้ไขแล้ว ควรบันทึกไฟล์เก็บไว้ทุกครั้ง โดยไฟล์ต้นฉบับจะได้ส่วนขยายเป็น
.fla
การบันทึกไฟล์สามารถใช้คำสั่ง File, Save… หรือ
File, Save As… จุดสังเกตว่าไฟล์ได้ผ่านการบันทึกแล้วหรือไม่
ก็ดูได้จากชื่อไฟล์ใน Title
Bar หากมีเครื่องหมาย * แสดงว่ายังไม่ผ่านการบันทึก
การบันทึกเป็นภาพนิ่งใช้งาน
เนื่องจากไฟล์
.fla
เป็นไฟล์ต้นฉบับ ไม่สามารถนำไปใช้งานได้ ก่อนนำไฟล์ภาพที่สร้าง ด้วย
Flash ไปใช้งาน จำเป็นต้องบันทึกในฟอร์แมตที่เหมาะสม
สำหรับภาพนิ่ง ให้เลือกคำสั่ง File,Export, Export Image… ฟอร์แมตของภาพนิ่ง
ก็เป็นรายการที่ควรนำมาพิจารณาประกอบ เช่น ถ้าต้องการเป็นภาพประกอบสื่อสิ่งพิมพ์
แนะนำให้เลือกเป็น .bmp หรือ .ai แต่ถ้าต้องการใช้บนเว็บไซต์
ก็ควรเลือกเป็น .gif, .jpg หรือ .png โดยมีหลักในการพิจารณา
ดังนี้
•
ภาพโครงร่าง หรือภาพที่มีการใช้สีแบบ Solid ให้เลือกเป็น
GIF Format
•
ภาพที่มีการใช้สีแบบไล่โทน หรือมีการใช้สีจำนวนมาก ให้เลือกเป็น JPEG
Format
การบันทึกในฟอร์แมต
GIF
การบันทึกภาพวาดในฟอร์แมต
GIF
ทำได้โดยเลือกคำสั่ง File, Export, Export Image… เลือกรายการ
Save
as Type เป็น GIF Image (*.GIF)
รายการเลือกของ
GIF
Format ได้แก่
•
Dimension กำหนดขนาดของภาพ
•
Resolution กำหนดความละเอียด มีค่าเท่ากับ 72 dpi
•
Include เลือกรูปแบบการบันทึกพื้นที่รอบภาพ
กรณีที่ต้องการบันทึกเฉพาะพื้นที่ที่มีภาพเท่านั้น
ให้เลือกเป็น Minimum
Image Area โปรแกรมจะไม่นำพื้นที่รอบภาพมาบันทึกด้วย
แต่ถ้าเลือกเป็นรายการ Full
Document Size จะเป็นการบันทึกเท่ากับขนาดที่ระบุจริงในรายการ
Dimension
•
Colors เลือกจำนวนค่าสีที่เหมาะสมกับภาพ
ดังนั้นหากบางภาพมีการใช้สีน้อย ก็สามารถระบุจำนวนสีที่เหมาะสมได้
•
Interlace เลือกเมื่อภาพที่วาดมีขนาดโตกว่า 200 pixel เพื่อกำหนดให้ภาพแสดงผลแบบโครงร่างก่อน
แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป
•
Transparent เลือกเพื่อกำหนดให้ภาพมีลักษณะของพื้นแบบโปร่งใส
•
Smooth เลือกให้ภาพมีลักษณะขอบกระด้าง หรือขอบมน
•
Dither solid colors เลือกลักษณะการเกลี่ยสีที่มีลักษณะใกล้เคียงกัน
การบันทึกในฟอร์แมต
JPEG
การบันทึกภาพวาดในฟอร์แมต
JPEG
ทำได้โดยเลือกคำสั่ง File, Export, Export Image… เมื่อเลือกไดร์ฟ/โฟลเดอร์
และตั้งชื่อไฟล์ภาพ ให้เลือกรายการ Save as Type เป็น JPEG
Image (*.jpg)
แล้วคลิกปุ่ม Save จะปรากฏรายการเลือกค่าควบคุม
ดังนี้
•
Dimension กำหนดขนาดของภาพ
•
Resolution กำหนดความละเอียด มีค่าเท่ากับ 72 dpi
•
Include เลือกรูปแบบการบันทึกพื้นที่รอบภาพ
กรณีที่ต้องการบันทึกเฉพาะพื้นที่ที่มีภาพเท่านั้น
ให้เลือกเป็น Minimum
Image Area โปรแกรมจะไม่นำพื้นที่รอบภาพมาบันทึกด้วย
แต่ถ้าเลือกเป็นรายการ Full
Document Size จะเป็นการบันทึกเท่ากับขนาดที่ระบุจริงในรายการ
Dimension
•
Quality คุณภาพของภาพ กรณีที่นำไปใช้กับเอกสารเว็บ ควรกำหนดไว้ที่ 60
– 90แต่ถ้าต้องการบันทึกเป็นภาพต้นฉบับเพื่อไปตกแต่งด้วยโปรแกรมอื่นต่อไป
ควรกำหนดเป็น
100
•
Progressive เลือกเมื่อภาพที่วาดมีขนาดโตกว่า 200 pixel เพื่อกำหนดให้ภาพแสดงผลแบบโครงร่างก่อน
แล้วค่อยๆ ชัดขึ้นเมื่อเวลาผ่านไป คล้ายๆ กับคุณสมบัติ Interlace ของ
GIF
การบันทึกเป็นภาพเคลื่อนไหว
การบันทึกผลงานของ
Flash
เป็นภาพเคลื่อนไหว หรือ Flash Movie สามารถเลือกได้สองคำสั่ง
คือ File,
Export, Export Movie… โดยมีหน้าต่างการบันทึก
และการเลือกฟอร์แมตคล้ายกับการบันทึกภาพนิ่งที่แนะนำไปก่อน
นอกจากนี้ยังสามารถเลือกได้จากคำสั่ง File, Publish Settings…
ซึ่งเป็นคำสั่งที่นิยมเลือกใช้มากกว่า กรณีที่เป็นภาพเคลื่อนไหว
โดยจะปรากฏหน้าต่าง
ทำงาน
ดังนี้
เลือกฟอร์แมตที่ต้องการใช้งาน
•
ใช้งานในเครือข่ายอินเทอร์เน็ต ให้คลิกเลือกรายการ Flash และ HTML
•
สร้าง Movie ในฟอร์แมต QuickTime ให้เลือกรายการ QuickTime ซึ่งจะได้ไฟล์
Movie
ที่มีส่วนขยายเป็น .mov
•
สร้าง Movie ที่สามารถนำเสนอได้ทันที
โดยไม่ต้องอาศัย Plug-Ins ใดๆ ให้เลือก
รายการ
Windows
Projector ซึ่งจะได้ไฟล์ที่มีส่วนขยาย .exe หรือเลือกรายการ
Macintosh
Projector สำหรับการนำเสนอบนเครื่องคอมพิวเตอร์ Macintosh
เมื่อเลือกรูปแบบไฟล์ที่ต้องการแล้ว
ให้คลิกปุ่ม Publish
โปรแกรมจะแปลงงานบน Stage
เป็น
Movie
ตามฟอร์แมตที่เลือก โดยใช้ชื่อไฟล์เดียวกับไฟล์ Flash ต้นฉบับ
( ที่มา : https://chalad.files.wordpress.com/2011/02/flashcs3.pdf )
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น